อาจมีหลายพันวิธีที่ผู้นำสามารถทำลายแรงจูงใจของผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้คิดเรื่องหลักการของผู้นำ จากประสบการณ์ของผมเองในฐานะทหารอาชีพของกองทัพอากาศสหรัฐ โค้ชในอุตสาหกรรมน้ำมัน และนักวิชาการ ผมคิดว่า มี 10 วิธีหลัก ที่ทำให้ผู้คนล้มเหลวในการเป็นผู้นำคุณเคยมีประสบการณ์กับหัวหน้าที่มีพฤติกรรมเหล่านี้บ้างไหม? 10 วิธีดูดแรงจูงใจจากพนักงานของคุณ ไม่มีความยุติธรรม แสดงความลำเอียง โปรดปรานบางคนมากกว่าคนอื่น ๆ ในความผิดเดียวกันเลือกลงโทษเฉพาะบางคนเท่านั้น ให้รางวัลแก่บางคนสำหรับสิ่งที่ทำโดยคนอื่นหรือโดยทีมเป็นส่วนใหญ่ สื่อสารไม่ชัดเจนหรือไม่สื่อสารเลย ซ่อนเจตนาที่แท้จริงของคุณ ไม่บอกความคาดหวังที่ชัดเจน พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่าง เรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดในขณะที่คุณเองใช้ทางลัด ละเว้นการฝ่าฝืนกฎของคุณ แต่ลงโทษผู้อื่นเมื่อพวกเขาทำการละเมิดแบบเดียวกัน ให้สัญญาแต่ไม่ทำตาม สัญญาว่าจะให้รางวัลเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย แต่เมื่อทำได้ก็ไม่ให้รางวัล สัญญาว่าคุณจะไม่ทนต่อพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงกลับไม่ใส่ใจ หลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วม เฉยเมย ปิดประตูระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ปฏิเสธความเป็นเจ้าของ ทำให้ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของทุกคนยกเว้นตัวคุณเอง หันหน้าหนีเมื่อคุณเห็นบางสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไข ไม่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จ ไม่ให้ขอเสนอแนะ ค้นหาความผิดเล็กๆน้อยๆแม้แต่ในความสำเร็จ เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่ดี หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้คนเมื่อพวกเขาจงใจละเมิดกฎ ทำให้การละเมิดมาตรฐานเป็นเรื่องตลก เน้นการบรรลุผลระยะสั้นมากกว่าการพัฒนาระยะยาว ให้รางวัลเมื่อบรรลุตัวเลขเป้าหมายโดยไม่สนใจว่าใช้วิธีใด ละเลยการลงทุนในการพัฒนาความรู้และทักษะในระยะยาว ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ให้พนักงานตัดสินใจเลือกได้อย่างอิสระ บอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “แล้วแต่คุณ” จากนั้นก็สงสัยการตัดสินใจของพวกเขา
Tag: ผู้นำ
ทุกคนอาจได้รับโอกาสให้เป็นผู้นำ แต่การเป็นผู้นำตัวจริงที่ได้รับความไว้วางใจและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น คุณต้องให้ความสำคัญผู้ตามเหนือสิ่งอื่นใด
การพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วกว่า 900 กม./ชม เหนือพื้นดิน 10,000 เมตร ในก้อนโลหะที่เต็มไปด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงไวไฟนั้น ย่อมมีความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งเสี่ยงหนักขึ้นไปอีกเมื่อมีใครบางคนพยายามยิงคุณให้ตกลงมา แต่ถ้าผู้บัญชาการอากาศยานกัปตันเบิร์ดและลูกเรือมีความกลัวขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่ขู่จะระเบิดพวกเขาจากท้องฟ้า แต่พวกเขาโยนความกลัวทิ้งไปเมื่อได้ยินคำขอเข้าสู่แนวข้าศึกของเวียดนามเหนือทางวิทยุจากหอบังคับการบิน เพื่อรักษาขบวนของเครื่องบินทิ้งระเบิด เอฟ-105 จำนวน 4 ลำไม่ให้หมดน้ำมัน แน่นอนว่านี้คือคำขอที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝ่าฝืนกฎของเครื่องบินที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างเช่น เครื่องบินบรรทุกน้ำมันที่ไม่มีอาวุธ ที่ขอเข้าไปในน่านฟ้าของเวียดนามเหนือ ไม่เพียงเป็นอันตรายทางกายภาพเท่านั้น แต่นักบินและลูกเรืออาจต้องเจอกับบทลงโทษขั้นรุนแรงถึงขั้นจบอาชีพได้เลยทีเดียวโทษฐานละเมิดกฎการบิน แต่หากนักบินซึ่งต้องการเชื้อเพลิงฉุกเฉิน ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องดีดตัวออกจากเครื่องหลังจากเครื่องยนต์ดับ พวกเขาอาจบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือเลวร้ายกว่า คือ ถูกทรมานในแคมป์นักโทษของเวียดนามเหนือเป็นเวลาหลายปี แม้ไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธ หรือเครื่องบินรบคุ้มกัน แต่ต้นหน (เนวิเกเตอร์) คำนวณทิศทางและความเร็วของเครื่องบินได้อย่างแม่นยำ และลูกเรือได้เปลี่ยนเส้นทางบินของเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศ เค-135 ไปสู่น่านฟ้าที่ไม่เป็นมิตรเต็มไปด้วยอันตรายเพื่อช่วยพี่น้องที่กำลังเดือดร้อนได้เติมเชื้อเพลิงช่วยชีวิต ความกดดันสูงตกอยู่กับลูกเรือที่ต้องทำการบินที่ไม่อยู่ในแผนเพื่อเลี่ยงจุดที่ตั้งขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ ในขณะที่ต้องรักษาความเร็วของเครื่องบินทั้งหมดให้บินด้วยกันที่ระดับความเร็วราว 2,000 กม.ต่อชม. ในเวลาทีเหมาะสมกัปตันเบิร์ดได้บังคับเครื่องบินให้เลี้ยวไปทางซ้าย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เทคนิคซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศสามารถเติมน้ำมันให้เครื่องบินรบทั้ง 4 ลำได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง การประสานงานที่สมบูรณ์แบบของลูกเรือยามเผชิญหน้ากับอันตราย ยังผลให้ไม่เกิดความหายนะ และเครื่องบินทั้งหมดบินกลับฐานทัพอย่างปลอดภัย ทำไมผู้คนยอมทิ้งความสนใจส่วนตัวและความปลอดภัยเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า? ทำไมกัปตันเบิร์ดและลูกเรือไม่ลังเลที่จะรับสายที่ทำให้พวกเขาตกในอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น? คำตอบนี้เกี่ยวข้องกับลักษณะการเป็นผู้นำที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ความไว้วางใจ ทั้งนี้