อาจมีหลายพันวิธีที่ผู้นำสามารถทำลายแรงจูงใจของผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้คิดเรื่องหลักการของผู้นำ จากประสบการณ์ของผมเองในฐานะทหารอาชีพของกองทัพอากาศสหรัฐ โค้ชในอุตสาหกรรมน้ำมัน และนักวิชาการ ผมคิดว่า มี 10 วิธีหลัก ที่ทำให้ผู้คนล้มเหลวในการเป็นผู้นำคุณเคยมีประสบการณ์กับหัวหน้าที่มีพฤติกรรมเหล่านี้บ้างไหม? 10 วิธีดูดแรงจูงใจจากพนักงานของคุณ ไม่มีความยุติธรรม แสดงความลำเอียง โปรดปรานบางคนมากกว่าคนอื่น ๆ ในความผิดเดียวกันเลือกลงโทษเฉพาะบางคนเท่านั้น ให้รางวัลแก่บางคนสำหรับสิ่งที่ทำโดยคนอื่นหรือโดยทีมเป็นส่วนใหญ่ สื่อสารไม่ชัดเจนหรือไม่สื่อสารเลย ซ่อนเจตนาที่แท้จริงของคุณ ไม่บอกความคาดหวังที่ชัดเจน พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่าง เรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดในขณะที่คุณเองใช้ทางลัด ละเว้นการฝ่าฝืนกฎของคุณ แต่ลงโทษผู้อื่นเมื่อพวกเขาทำการละเมิดแบบเดียวกัน ให้สัญญาแต่ไม่ทำตาม สัญญาว่าจะให้รางวัลเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย แต่เมื่อทำได้ก็ไม่ให้รางวัล สัญญาว่าคุณจะไม่ทนต่อพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงกลับไม่ใส่ใจ หลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วม เฉยเมย ปิดประตูระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ปฏิเสธความเป็นเจ้าของ ทำให้ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของทุกคนยกเว้นตัวคุณเอง หันหน้าหนีเมื่อคุณเห็นบางสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไข ไม่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จ ไม่ให้ขอเสนอแนะ ค้นหาความผิดเล็กๆน้อยๆแม้แต่ในความสำเร็จ เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่ดี หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้คนเมื่อพวกเขาจงใจละเมิดกฎ ทำให้การละเมิดมาตรฐานเป็นเรื่องตลก เน้นการบรรลุผลระยะสั้นมากกว่าการพัฒนาระยะยาว ให้รางวัลเมื่อบรรลุตัวเลขเป้าหมายโดยไม่สนใจว่าใช้วิธีใด ละเลยการลงทุนในการพัฒนาความรู้และทักษะในระยะยาว ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ให้พนักงานตัดสินใจเลือกได้อย่างอิสระ บอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “แล้วแต่คุณ” จากนั้นก็สงสัยการตัดสินใจของพวกเขา
Category: ซอฟต์ พาวเวอร์ สกิลส์
การปฏิวัติของหุ่นยนต์ได้เริ่มขึ้นแล้ว! คำถามคือความรู้และทักษะต่างๆที่เราเรียนรู้จากโรงเรียนจะยังสามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพให้กับเราได้อยู่หรือไม่? แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ข่าวดี…เราจะยังสามารถพัฒนาความได้เปรียบของเราได้ อาทิ ซอฟต์ พาวเวอร์ สกิลส์ หรือทักษะด้านสังคม เป็นต้น อ่านต่อไปเพื่อค้นหาว่าทักษะอะไรที่พาคุณผ่านพ้นการปฏิวัติครั้งนี้ได้
“If you don’t like change, you will like irrelevance even less.” “ถ้าคุณไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง คุณจะยิ่งไม่ชอบสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน” — General Eric Shinseki, US Army George Eastman founded Kodak in 1888 with the disruptive technology of dry plates, when everyone else was using complex liquid solutions. Through the years, Kodak innovated and changed…until they didn’t. By the late 20th Century,
ความไว้วางใจเปรียบเหมือนป่า ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการบำรุงดูแลรักษาให้มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง ขณะที่ความซื่อตรงเป็นรากฐานของความไว้วางใจ และสร้างได้ด้วยกิจกรรมที่ทำได้จริงเหล่านี้
วัฒนธรรมแบบกลุ่มนิยมและวัฒนธรรมแบบปัจเจกชนมองโลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เปรียบเหมือนเลนส์ไวด์กับเลนส์เทเล ผู้นำที่ดีจะใช้ประโยชน์จากมุมมองที่ต่างกันของลูกทีมเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
การวัดความเข้าใจเรื่องความไว้วางใจของพนักงานในองค์กร และผลสำรวจที่ได้ จะสนับสนุนให้องค์กรมีวัฒนธรรมความไว้วางใจสูงขึ้น
หากปราศจากความไว้วางใจ คำพูดที่เต็มไปด้วยเจตนาที่ดีที่สุดก็อาจถูกเคลือบแคลงสงสัยได้ ขณะที่ด้วยความเชื่อใจที่เต็มเปี่ยม แม้คำพูดที่เลือกมาอย่างประมาทก็จะได้รับการให้อภัย สตีเฟ่น เอ็ม.อาร์. โควีย์เปิดเผยธรรมชาติของความไว้วางใจที่จะช่วยให้เข้าใจว่าสามารถสร้างได้อย่างไร
ทุกคนอาจได้รับโอกาสให้เป็นผู้นำ แต่การเป็นผู้นำตัวจริงที่ได้รับความไว้วางใจและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น คุณต้องให้ความสำคัญผู้ตามเหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อความไว้วางใจหายไปหรือถูกทำลายลง ความโปร่งใสในความสัมพันธ์คือการเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความไว้วางใจขึ้นมาใหม่
การพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วกว่า 900 กม./ชม เหนือพื้นดิน 10,000 เมตร ในก้อนโลหะที่เต็มไปด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงไวไฟนั้น ย่อมมีความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งเสี่ยงหนักขึ้นไปอีกเมื่อมีใครบางคนพยายามยิงคุณให้ตกลงมา แต่ถ้าผู้บัญชาการอากาศยานกัปตันเบิร์ดและลูกเรือมีความกลัวขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่ขู่จะระเบิดพวกเขาจากท้องฟ้า แต่พวกเขาโยนความกลัวทิ้งไปเมื่อได้ยินคำขอเข้าสู่แนวข้าศึกของเวียดนามเหนือทางวิทยุจากหอบังคับการบิน เพื่อรักษาขบวนของเครื่องบินทิ้งระเบิด เอฟ-105 จำนวน 4 ลำไม่ให้หมดน้ำมัน แน่นอนว่านี้คือคำขอที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝ่าฝืนกฎของเครื่องบินที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างเช่น เครื่องบินบรรทุกน้ำมันที่ไม่มีอาวุธ ที่ขอเข้าไปในน่านฟ้าของเวียดนามเหนือ ไม่เพียงเป็นอันตรายทางกายภาพเท่านั้น แต่นักบินและลูกเรืออาจต้องเจอกับบทลงโทษขั้นรุนแรงถึงขั้นจบอาชีพได้เลยทีเดียวโทษฐานละเมิดกฎการบิน แต่หากนักบินซึ่งต้องการเชื้อเพลิงฉุกเฉิน ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องดีดตัวออกจากเครื่องหลังจากเครื่องยนต์ดับ พวกเขาอาจบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือเลวร้ายกว่า คือ ถูกทรมานในแคมป์นักโทษของเวียดนามเหนือเป็นเวลาหลายปี แม้ไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธ หรือเครื่องบินรบคุ้มกัน แต่ต้นหน (เนวิเกเตอร์) คำนวณทิศทางและความเร็วของเครื่องบินได้อย่างแม่นยำ และลูกเรือได้เปลี่ยนเส้นทางบินของเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศ เค-135 ไปสู่น่านฟ้าที่ไม่เป็นมิตรเต็มไปด้วยอันตรายเพื่อช่วยพี่น้องที่กำลังเดือดร้อนได้เติมเชื้อเพลิงช่วยชีวิต ความกดดันสูงตกอยู่กับลูกเรือที่ต้องทำการบินที่ไม่อยู่ในแผนเพื่อเลี่ยงจุดที่ตั้งขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ ในขณะที่ต้องรักษาความเร็วของเครื่องบินทั้งหมดให้บินด้วยกันที่ระดับความเร็วราว 2,000 กม.ต่อชม. ในเวลาทีเหมาะสมกัปตันเบิร์ดได้บังคับเครื่องบินให้เลี้ยวไปทางซ้าย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เทคนิคซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของเครื่องบินเติมน้ำมันทางอากาศสามารถเติมน้ำมันให้เครื่องบินรบทั้ง 4 ลำได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง การประสานงานที่สมบูรณ์แบบของลูกเรือยามเผชิญหน้ากับอันตราย ยังผลให้ไม่เกิดความหายนะ และเครื่องบินทั้งหมดบินกลับฐานทัพอย่างปลอดภัย ทำไมผู้คนยอมทิ้งความสนใจส่วนตัวและความปลอดภัยเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า? ทำไมกัปตันเบิร์ดและลูกเรือไม่ลังเลที่จะรับสายที่ทำให้พวกเขาตกในอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น? คำตอบนี้เกี่ยวข้องกับลักษณะการเป็นผู้นำที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ความไว้วางใจ ทั้งนี้